Repeater D-Star ที่ กสทช. วางเครือข่ายไว้ ณ.ปี 2568 มี 31 จังหวัด รัศมี การออกอากาศ ไม่แน่ใจว่า ไกลขนาดไหน เครื่องลูกข่ายที่พอหาได้ในไทย ส่วนใหญ่เป็นแบบ มือถือ ID-51E-T (5000 บาท) ID-50A (14,000 บาท) ID-52 ( 23,500 บาท) แบบ ติดรถยนต์ ID-5100A (23,500 บาท) แบบแพงไปเลยก็ IC-705 , IC-9700
ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อระบบ D-Star แต่อยู่ห่างไกลจาก Repeater คือ D-Star Hotspot เปรียบเสมือน Repeater เล็กๆ เชื่อมต่อผ่าน อินเตอร์เน็ต ไปยังเครือข่าย D-Star
อุปกรณ์หลักที่ใช้เชื่อมโยง คือ MMDVM ย่อมาจาก Multi-Mode Digital Voice Modem เป็น repeater ขนาดเล็กกำลังส่งต่ำ ระดับ 10 mW ทำหน้าที่่เชื่อมวิทยุแบบ Digital เข้ากับ เครื่อข่าย Digital D-STAR, DMR, P25, C4FM, YSF, และ NXDN
MMDVM มีหลายแบบ แต่ที่เห็นบ่อยที่สุด จะเป็นแบบนี้ ได้มาราคา 328 บาท
ขอมูลจากเว็บ
VK4PK วงจรของบอร์ด ประมาณนี้
MMDVM_HS Hat for the Raspberry Pi (Zero)
การเชื่อมต่อเข้าระบบ D-Star ทำได้หลายช่องทาง
1.เชื่อมผ่าน Serial to USB เข้าคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรม BLUEDV
2.เชื่อมผ่าน BlueTooth เข้าโทรศัพท์ ใช้แอป BLUEDV
3.เชื่อมเข้าคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว Raspberry Pi ZERO 2W โปรแกรม Pi-Star
4.เชื่อมเข้าคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว Raspberry Pi ZERO 2W โปรแกรม WPSD
1.เชื่อมผ่าน Serial to USB เข้าคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรม BLUEDV
Serial to USB ใช้แบบ CP2102 ราคาประมาณ 80 บาท แบบเดียวกันนี้ สีดำก็มี วิธีนี้ผมต้องการ จะทดสอบ MMDVM ที่ซื้อมาว่าใช้งานได้หรือไม่ กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ ถ้าใช้งานจริงจัง ไปใช้แบบที่ 3 น่าจะเหมาะสมกว่า
Unzip แล้วติดตั้งไฟล์ .exe
ไปที่ Menu <> Setup
หน้า Setup ที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขอะไร
ลองตั้งค่าตามนี้ You Call ต้องใส่ CallSign ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอม Link ไป REF087C แล้ว Save
อย่าลืม update ข้อมูลด้วย update ทุกอัน
เปิดโปรแกรม ครั้งแรก ถ้ามีหน้าจอนี้ คลิก Allow access
Hotspot พร้อมใช้งาน มีการเชื่อมโยงไปยัง REF087C
เครื่องวิทยุ ID-51E-T ผม Reset / ALL แล้วอยู่ในโหมด VFO ตั้งความถี่ 145.550MHz โหมดการทำงานเป็น DV ตั้งกำลังส่งเป็น SLO
ลองกดส่ง ได้ผลลัพท์ตามรูป
รับฟังการติดต่อสื่อสาร ได้แล้ว สำเร็จไปครึ่งทาง
เปิดโปรแกรม Raspberry Pi Imager
ซ้ายสุด เลือก Raspberry Pi Zero 2W ขวาสุดเลือก SD Card ตรงกลางเลือก ไฟล์ Pi-Star ดังนี้
เลือกไฟล์ Pi-Star คลิก Open
จากนั้น คลิก NEXT
ไม่แก้ไขอะไร คลิก NO
จะเขียนไฟล์ลง SD Card แล้ว ยืนยันหน่อย
เขียนอยู่นานเหมือนกัน เสร็จแล้ว คลิก CONTINUE
ถ้ามี แบบนี้ขึ้นมา คลิก Cancel
Copy ไฟล์ wpa_supplicant.conf ที่ทำไว้มาลงใน Drive ที่ชื่อว่า boot แล้วค่อยถอด SD Card ออก
บัดกรี คอนเน็คเตอร์ ที่ได้มาพร้อม MMDVM ลงบน บอร์ด Raspberry Pi Zero 2W
ประกอบ MMDVM ลงบน บอร์ด Raspberry Pi Zero 2W ใส่ SD Card หาสาย Micro USB มาเสียบ เพื่อจ่ายไฟ 5 Volt
เปิด browser พิมพ์ http://pi-star/admin เข้าไป ถ้า Hotspot ของเราเชื่อมต่อกับ wifi ได้ จะขึ้นให้ login
หลังจากเข้าหน้า config ได้แล้ว เลื่อนลงไปดู IP Address และจดค่าไว้ใช้ในครั้งต่อๆไป
Default Username: pi-star
Default Password: raspberry
เข้ามาหน้า config ได้แล้ว ก็ประกอบใส่กล่อง แล้วเปิด hotspot อีกครั้ง พบปัญหา หน้า config เข้าไม่ได้ เป็นหน้า blank ขาวๆ ว่างๆ ก็เลยลองเขียน SD Card ใหม่
ป้อนข้อมูล
CallSign
Radio Frequency : 145.550 MHz
พิกัด , Town , Country , URL จะใส่ข้อมูล หรือไม่ ก็ได้
System Time Zone เลือกเป็น Asia/Bangkok
คลิก Apply Changes hotspot จะ reboot ครั้งที่ 1
เลือก D-Star Mode
MMDVM Display Type เลือก OLED Type 3 Port : None
Radio/Modem Type เลือก MMDVM_HS_Hat (DB9MAT & DF2ET) for Pi (GPIO) หรือ STM32-DVM / MMDVM_HS - Raspberry PI (GPIO)
คลิก Apply Changes hotspot จะ reboot ครั้งที่ 2
Default Reflector เลือก REF087 C
Time Announcements ถ้าไม่ต้องการเสียงเตือนทุก ชั่วโมง ให้ปิด
คลิก Apply Changes hotspot จะ reboot ครั้งที่ 3
Hotspot ใช้งานได้แล้ว รอเชื่อมไป REF087C นานนิดหน่อย
หน้า Dashboard
หน้า Dashboard Admin
จอ OLED ถ้าต้องการให้ติดตลอดเวลา และ กลับด้านหน้าจอ ตั้งค่าดังนี้
หน้าจอ Configuration คลิก Expert
คลิก MMDVMHost
เลื่อนหา OLED ถ้าต้องการให้จอติดตลอด LogoScreensaver = 1 / กลับด้านหน้าจอ Rotate = 1
แล้วคลิก Apply Changes
สิ่งสำคัญที่ควรทำ คือ เปลี่ยน Password ของ login pi-star ไปหน้า config เลื่อนลงไปล่างสุด ป้อน password ใหม่ 2 ช่อง ให้ตรงกัน แล้วคลิก Set Password
4.เชื่อมเข้าคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว Raspberry Pi ZERO 2W โปรแกรม WPSD
เริ่มต้นเขียนข้อมูลลงใน SD Card
เปิดโปรแกรม Raspberry Pi Imager เลือกไฟล์ image แล้วเขียนได้เลย
Copy ไฟล์ xxxx.nmconnection ที่ทำไว้มาลงใน Drive ที่ชื่อว่า boot แล้วค่อยถอด SD Card ออก
เสียบ SD Card ใส่ Hotspot เปิดเครื่องไว้สัก 5 นาที
เปิด browser พิมพ์ http://wpsd.local เข้าไป ถ้า Hotspot ของเราเชื่อมต่อกับ wifi ได้ จะเข้าไปหน้า Config
WPSD จะแจ้ง IP Address ที่ hotspot ด้วย
หน้าแรก ที่เข้ามาเจอ ก่อนการ Config
แก้ไขค่า
General Configuration
Node Callsign : ป้อน Callsign ของเราลงไป
Radio Frequency: ป้อนความถี่
Radio/Modem Type: เลือก MMDVM_HS_Hat (DB9MAT & DF2ET) for Pi (GPIO) หรือ STM32-DVM / MMDVM_HS - Raspberry PI (GPIO)
System Time Zone เลือก Asia/Bangkok
สังเกตุด้านบนจะมีปุ่ม Apply Changes แต่ยังไม่ต้องกดตอนนี้
Node Location & Info Settings ข้ามไปก่อน
Radio/MMDVMHost Modem Configuration
เปิด D-Star Mode :
MMDVMHost/Modem Display Configuration
MMDVM Display Type : เลือก OLED Type 3
ตอนนี้ คลิก Apply Changes ได้แล้ว
Hotspot Reboot เข้ามาหน้า config อีกครั้ง
จะมี D-Star Configuration เพิ่มขึ้นมา ตั้งค่า Default Reflector ผมเลือกเป็น REF087E เอาไว้ Test เสียงตัวเอง
คลิก Apply Changes เป็นครั้งที่ 2
Hotspot Reboot เข้ามาหน้า config อีกครั้ง
ด้านบนของหน้า Config จะให้เราตั้ง Profile
ก็เลยตั้งชื่อเป็น dstar
อย่าลืมเปลี่ยน password ด้วย
ถึงตอนนี้ ผม reboot hotspot โดยถอดปลั๊กไฟ แล้วรอ 5 นาที จะมีเสียง Link to REF087E ดังที่วิทยุ
WPSD Dashboard หน้าตาแบบนี้